สำหรับ SolidWorks Simulation
1. Blended Curvature-based Mesherคือกระบวนการสร้าง Mesh แบบใหม่ที่ทำให่ Mesh บนผิวชิ้นงานมีคุณภาพสูงขึ้น โดยเฉพาะงานบางงานที่อาจจะใช้ Standard Mesh หรือ Curvature Base Mesh สร้างไม่ได้ ก็ลองใช้ Mesh ตัวใหม่ดูอาจจะสร้าง Mesh ได้นะครับ
2. Automatic Bonding for Shells
ในเวอร์ชั่นก่อนๆ การกำหนดชิ้นงานใน Assembly ให้เชื่อมกัน(ฺBond Contact) ของคำสั่ง Global Contact จะทำได้แค่บริเวณที่ผิวของชิ้นงานอยู่ชิดกันพอดี ถ้าโมเดลที่เราวาดขึ้นมามีช่องว่างเล็กอยู่ เราก็ต้องใช้ Contact Set เพื่อกำหนดค่ากันเอง (ใครยังไม่เข้าใจเรื่อง Contact สามารถศึกษาได้ในบทความ "ชนิดของ Contact สำหรับวิเคราะห์งาน Assembly") แต่ในเวอร์ชั่น 2016 มีการพัฒนาความสามารถของ Global Contact ให้ตรวจสอบผิวที่อยู่ห่างกัน และยังตรวจสอบชิ้นงานที่เป็น Shell Mesh (ชิ้นงานบางๆ)ได้อีกด้วย ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลากำหนด Contact Set กันเองแบบเมื่อก่อน
3. Bolts and Pins on the Same Part
สามารถใช้คำสั่ง Pin หรือ Bolt บนชิ้นงานเดียวกันได้แล้ว จากเดิมเวลาที่เราจะกำหนด Pin หรือ Bolt โปรแกรมจะมองว่าเราต้องการยึดชิ้นงาน 2 ชิ้นให้อยู่ด้วยกัน แต่ในบางครั้งเราก็ต้องการใส่ Pin หรือ Bolt บนงานชิ้นเดียว ในเวอร์ชั่น 2016 จึงแก้ไขคำสั่งในจุดนี้แล้ว
การแสดงเฉดสีในเวอร์ชั่นก่อน ถ้าค่า Stress หรือ Displacement บนชิ้นงานมีค่ามากกว่าค่า Maximum บนแถบสี เวลาที่โปรแกรมแสดงเฉดสีบนชิ้นงานก็จะเป็นสีแดงทั้งหมด หรือถ้าค่าบนชิ้นงานน้อยกว่าค่า Minimum บทแถบสี เฉดสีบนชิ้นงานก็จะเป็นสีน้ำเงินทั้งหมด แต่ในเวอร์ชั่น 2016 ได้เพิ่มฟังชั่นการแสดงเฉดสีบนชิ้นงาน โดยทำให้ค่าที่มากหรือน้อยเกินกว่าแถบสี สามารถที่จะไม่แสดงเฉดสีได้ ทำให้การดูเฉดสีบนชิ้นงานง่ายขึ้น ไม่ต้องสับสนกับสีแดงหรือน้ำเงินทั้งชิ้นงาน
5. Detecting Unconstrained Bodies
สำหรับคนที่วิเคราะห์งาน Assembly ใหม่ๆน่าจะเคยเจอ Error ที่บอกว่า "Model is unstable" ซึ่งผมเคยอธิบายถึงสาเหตุของ Error ไปแล้วในบทความ "สาเหตุและการแก้ปัญหา Error "Model is unstable. Check that you have applied adequate fixture to stabilize the model." ทีนี้การแก้ปัญหาของเรา ถ้าใครมีฟังชั่น Frequency ก็สามารถใช้ฟังชั่นนี้ตรวจสอบได้ แต่ถ้าไม่มีเราก็ต้องมาตรวจสอบโมเดลว่าชิ้นงานไหนที่เรา Fixture หรือ Contact ไม่ดีพอ ซึ่งอาจจะค่อนข้างเสียเวลาถ้ามีชิ้นงานจำนวนมาก ดังนั้นเวอร์ชั่น 2016 จึงออกตัวช่วยตรวจหาชิ้นงานที่ยังกำหนด Fixture หรือ Contact ไม่เพียงพอมาให้
สำหรับคนที่วิเคราะห์งาน Assembly ใหม่ๆน่าจะเคยเจอ Error ที่บอกว่า "Model is unstable" ซึ่งผมเคยอธิบายถึงสาเหตุของ Error ไปแล้วในบทความ "สาเหตุและการแก้ปัญหา Error "Model is unstable. Check that you have applied adequate fixture to stabilize the model." ทีนี้การแก้ปัญหาของเรา ถ้าใครมีฟังชั่น Frequency ก็สามารถใช้ฟังชั่นนี้ตรวจสอบได้ แต่ถ้าไม่มีเราก็ต้องมาตรวจสอบโมเดลว่าชิ้นงานไหนที่เรา Fixture หรือ Contact ไม่ดีพอ ซึ่งอาจจะค่อนข้างเสียเวลาถ้ามีชิ้นงานจำนวนมาก ดังนั้นเวอร์ชั่น 2016 จึงออกตัวช่วยตรวจหาชิ้นงานที่ยังกำหนด Fixture หรือ Contact ไม่เพียงพอมาให้
6. Display Results for Remote Mass and Remote Load
สำหรับการวิเคราะห์งานที่มีการสั่นสะเทือน(Vibration) เช่น เราจะวิเคราะห์ฐานรับน้ำหนักเครื่องจักร ในการวิเคราะห์เราก็อาจจะใช้คำสั่ง Remote Load ซึ่งเป็นฟังชั่นที่เราสามารถกำหนดจุด CG และน้ำหนักของเครื่องจักรกดลงไปบนฐานรับน้ำหนักได้ โดยที่เราไม่ต้องวาดชิ้นงานจริงๆ ทำให้ลดเวลาในการวิเคราะห์ลงไปมาก แต่ในเวอร์ชั่นก่อนเมื่อเราวิเคราะห์แล้ว เราก็จะทราบแค่ฐานมีการสั่นมากน้อยแค่ไหน แต่ไม่สามารถดูได้ว่าเครื่องจักรที่อยู่บนฐานสั่นแค่ไหน(เพราะเราไม่ได้วาดชิ้นงานจริง เลยไม่สามารถแสดงผลลัพธ์ได้) ดังนั้นในเวอร์ชั่น 2016 จึงเพิ่มความสามารถในการวัดผลลัพธ์ที่จุด CG ที่เรากำหนด ทำให้เราทราบได้ว่าจุด CG ที่เรากำหนดแทนเครื่องจักรมีการสั่นมากน้อยแค่ไหน
สำหรับการวิเคราะห์งานที่มีการสั่นสะเทือน(Vibration) เช่น เราจะวิเคราะห์ฐานรับน้ำหนักเครื่องจักร ในการวิเคราะห์เราก็อาจจะใช้คำสั่ง Remote Load ซึ่งเป็นฟังชั่นที่เราสามารถกำหนดจุด CG และน้ำหนักของเครื่องจักรกดลงไปบนฐานรับน้ำหนักได้ โดยที่เราไม่ต้องวาดชิ้นงานจริงๆ ทำให้ลดเวลาในการวิเคราะห์ลงไปมาก แต่ในเวอร์ชั่นก่อนเมื่อเราวิเคราะห์แล้ว เราก็จะทราบแค่ฐานมีการสั่นมากน้อยแค่ไหน แต่ไม่สามารถดูได้ว่าเครื่องจักรที่อยู่บนฐานสั่นแค่ไหน(เพราะเราไม่ได้วาดชิ้นงานจริง เลยไม่สามารถแสดงผลลัพธ์ได้) ดังนั้นในเวอร์ชั่น 2016 จึงเพิ่มความสามารถในการวัดผลลัพธ์ที่จุด CG ที่เรากำหนด ทำให้เราทราบได้ว่าจุด CG ที่เรากำหนดแทนเครื่องจักรมีการสั่นมากน้อยแค่ไหน
7. Equation-driven Results
การแสดงผลของ Result ในเวอร์ชั่นก่อนๆจะถูกกำหนดมาในโปรแกรมว่ามีค่าอะไรบ้าง เช่น Normal Stress, Von Mises Stress, X Displacement, Y Displacement ฯลฯ ทำได้เราสามารถแสดงผลได้แค่เท่ามีในโปรแกรม แต่ในเวอร์ชั่น 2016 ได้เพิ่มลูกเล่นสำหรับ Result โดยให้เราเขียนสมการเพื่อคำนวณผลลัพธ์ที่เราต้องการเองได้ เช่น เราอยากได้ผลลัพธ์ของมุมชิ้นงานที่ถูกบิดมีหน่วยเป็นองศา จากเวอร์ชั่นก่อนเราจะต้องคำนวณเองในแต่ละจุดที่ต้องการ แต่ในเวอร์ชั่นใหม่ เราก็ใส่สูตรคำนวณมุมบิดและให้โปรแกรมแสดงผลให้เราได้ทุกจุดบนชิ้นงาน พร้อมมีเฉดมีให้เราอีกด้วย (ผมเคยแสดงวิธีคำนวนมุมบิดให้ในบทความ "การหามุมบิดของชิ้นงาน")
การแสดงผลของ Result ในเวอร์ชั่นก่อนๆจะถูกกำหนดมาในโปรแกรมว่ามีค่าอะไรบ้าง เช่น Normal Stress, Von Mises Stress, X Displacement, Y Displacement ฯลฯ ทำได้เราสามารถแสดงผลได้แค่เท่ามีในโปรแกรม แต่ในเวอร์ชั่น 2016 ได้เพิ่มลูกเล่นสำหรับ Result โดยให้เราเขียนสมการเพื่อคำนวณผลลัพธ์ที่เราต้องการเองได้ เช่น เราอยากได้ผลลัพธ์ของมุมชิ้นงานที่ถูกบิดมีหน่วยเป็นองศา จากเวอร์ชั่นก่อนเราจะต้องคำนวณเองในแต่ละจุดที่ต้องการ แต่ในเวอร์ชั่นใหม่ เราก็ใส่สูตรคำนวณมุมบิดและให้โปรแกรมแสดงผลให้เราได้ทุกจุดบนชิ้นงาน พร้อมมีเฉดมีให้เราอีกด้วย (ผมเคยแสดงวิธีคำนวนมุมบิดให้ในบทความ "การหามุมบิดของชิ้นงาน")
8. Improved Solver Error Messages
เวลาที่เราวิเคราะห์งานแล้วพบ Error เราก็ต้องมาหาว่าจะแก้ Error นี้ยังไง โดยอาจจะถามคนที่มีความรู้ หาในอินเตอร์เน็ตเอง ฯลฯ ซึ่งอาจจะยุ่งยากเพราะต้องใช้เวลากว่าจะหาคำตอบเจอ ในเวอร์ชั่น 2016 จึงเพิ่มในส่วนของ Link เพื่อตอบคำถามว่า Error นี้เกิดจากอะไรและแก้ไขได้อย่างไร ทำให้เราเจอคำตอบที่ถูกต้องได้ง่ายขึ้น (ใช้ได้สำหรับคนที่ซื้อ License SolidWorks และมี Account สำหรับเข้า www.solidworks.com เท่านั้น)
9. Releasing Prescribed Displacements
ในเวอร์ชั่น 2016 สามารถปิดการทำงานของ Fixture ได้ ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากในการตั้งค่าการวิเคราะห์งานที่ต้องการดันหรือดึงชิ้นงาน และปล่อยชิ้นงานให้มีการเคลื่อนที่อย่างอิสระ เช่น ในบทความ "Spring back Analysis" ที่ผมต้องกดชิ้นงานและปล่อยเพื่อให้เกิดการคืนตัวของชิ้นงาน ซึ่งในบทความนั้นผมได้สร้างชิ้นงานก้อนสี่เหลี่ยมเพื่อเป็นตัวกด เพราะในเวอร์ชั่นก่อนเราไม่สามารถกำหนด Fixture เพื่อกดชิ้นงานและปล่อยได้(ต้องกำหนดตลอดงานวิเคราะห์ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ไม่ถูกต้อง)
ในเวอร์ชั่น 2016 สามารถปิดการทำงานของ Fixture ได้ ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากในการตั้งค่าการวิเคราะห์งานที่ต้องการดันหรือดึงชิ้นงาน และปล่อยชิ้นงานให้มีการเคลื่อนที่อย่างอิสระ เช่น ในบทความ "Spring back Analysis" ที่ผมต้องกดชิ้นงานและปล่อยเพื่อให้เกิดการคืนตัวของชิ้นงาน ซึ่งในบทความนั้นผมได้สร้างชิ้นงานก้อนสี่เหลี่ยมเพื่อเป็นตัวกด เพราะในเวอร์ชั่นก่อนเราไม่สามารถกำหนด Fixture เพื่อกดชิ้นงานและปล่อยได้(ต้องกำหนดตลอดงานวิเคราะห์ซึ่งทำให้ผลลัพธ์ไม่ถูกต้อง)
10. Report Publish Options
การสร้าง Report ของเวอร์ชั่น 2016 สามารถเลือกขนาดกระดาษได้ว่าจะเป็น A4(8.27" X 11.69") หรือเป็น Letter (8.5" x 11")
การสร้าง Report ของเวอร์ชั่น 2016 สามารถเลือกขนาดกระดาษได้ว่าจะเป็น A4(8.27" X 11.69") หรือเป็น Letter (8.5" x 11")
11. Sectioning the Mesh
เวอร์ชั่น 2016 การสามารถทำ Section ของ Mesh ได้ ทำให้เราสามารถมองเห็นเนื้อในของชิ้นงานว่า Mesh มีความละเอียดเดียงพอหรือไม่ โดยสามารถดูแค่ Mesh อย่างเดียว หรือดูค่าผลลัพธ์ เช่น Stress, Displacement ฯลฯ ก็ได้
เวอร์ชั่น 2016 การสามารถทำ Section ของ Mesh ได้ ทำให้เราสามารถมองเห็นเนื้อในของชิ้นงานว่า Mesh มีความละเอียดเดียงพอหรือไม่ โดยสามารถดูแค่ Mesh อย่างเดียว หรือดูค่าผลลัพธ์ เช่น Stress, Displacement ฯลฯ ก็ได้
สุดยอดมากเลยครับ คุณบอล
ตอบลบ